วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว หลากวิธีเร่งผมยาว สวยทันใจ

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว หลากวิธีเร่งผมยาว สวยทันใจ

ผมยาวสวย ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้สาว ๆ ดูมีบุคลิกดีและมีเสน่ห์ หากสาวคนไหนมีผมที่ยาวสวย ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งเลย เพราะหนุ่ม ๆ หลายคนแอบเผยว่าชอบผู้หญิงผมยาว แหม... สาว ๆ ได้ยินแบบนี้แล้ว ก็คงจะรีบหา วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ได้ทันใจกันเลยทีเดียว

          โดยปกติแล้ว ผมคนเราจะยาวประมาณครึ่งนิ้วต่อเดือน แต่หลายคนก็อยากให้มันไม่ปกติ ให้ผมยาวเร็ว จึงพยายามสรรหา วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ทั้งวิธีล้ำสมัย และวิธีแบบวิถีธรรมชาติ เช่น การต่อผม หมักทรีตเม้นท์ อบไอน้ำ ทำสปา ฯลฯ แล้วแต่ความเชื่อ และความชอบของแต่ละบุคคล วันนี้เราจึงมี วิธีทําให้ผมยาวเร็ว และสุขภาพดีมาแนะนำอย่างหลากหลาย ให้สาว ๆ ลองเลือกดูค่ะ ว่าชอบแบบไหนกัน  

          1. วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ด้วยการออกกำลังกาย นั่นก็คือการออกกำลังกายให้เส้นผม โดยการหมั่นนวดศีรษะขณะสระผม หรือออกกำลังกายโดยการก้มศีรษะลงค้างไว้  30 วินาที ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ทำเช่นนี้ทุกวันจะทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเส้นผมที่ศีรษะ ใช้แปรงผมที่มีขนอ่อนนุ่ม แปรงผมอย่างเบา ๆ โดยเลือกใช้หวีซี่ใหญ่ และห่างในการหวีผม และไม่หวีผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ แต่หวีในช่วงที่ผมแห้งแทน การหวีผมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้เส้นผม แข็งแรง และยาวเร็วขึ้นด้วย

          2. วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ไบโอติน หรือวิตามิน H ซึ่งมีมากใน ตับหมู ไตวัว เนื้อวัว ปลาเนื้อขาว น้ำมัน ปลา ข้าวกล้อง ข้าวโพด รำข้าวสาลี ไข่ นม เนย โยเกิร์ต จำพวกผักก็เป็น ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี เห็ด แครอท เป็นต้น

          3. วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ด้วยการเล็มผม บางครั้งการตัดผมที่เสียออกไปบ้าง หรือการเล็มผมบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ดี นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการกำจัดผมแตกปลาย ไปในตัวด้วยค่ะ

          4. วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ด้วยการต่อผม ถือเป็นวิธีที่ง่ายและเร่งรัดที่สุด เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการผมยาวเร็วทันใจ รับรองว่า ได้ยาวสมใจแน่ ๆ การต่อผมสามารถทำได้ที่ร้านทำผมที่มีบริการต่อผมดู หรือเลือกใช้บริการร้านต่อผมที่มีอยู่ทั่วไป แต่ขอให้เลือกร้านที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการต่อผมมาก ๆ เพราะการต่อผม ต้องใช้สารเคมีมากมายในการทำ ซึ่งหากช่างทำผมไม่รู้จริง ก็อาจทำผมสวย ๆ ของเราเสียได้นะคะ วิธีนี้เอาเป็นว่าแนะนำเป็นทางออกสุดท้ายแล้วกันนะคะ

          เอาล่ะค่ะ จะผมยาว ผมสั้น ก็ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่า เราจะมีความมั่นใจและพร้อมที่จะเสริมสร้างบุคลิกให้ดีมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าใครอยากผมยาวเร็วจริง ๆ ก็ลองนำ วิธีทําให้ผมยาวเร็ว ที่แนะนำ ไปปฏิบัติกันดูได้ ทีนี้สาว ๆ เลือกวิธีได้ตามใจชอบเลยว่าจะเร่งผมยาวด้วยวิธีไหน และสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้นั่นก็คือ การที่จะมีผมที่สวยสุขภาพดี จะต้องมีดีมาจากสุขภาพข้างในด้วยนะจ๊ะ

          อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะสาว ๆ เท่านั้นนะคะ คุณผู้ชายที่อยากให้ผมยาวเร็ว ก็สามารถนำไปใช้ได้ค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

การดูแลสุขภาพผิวปาก

ดูแลผิวบอบบางที่สุดบนใบหน้ารึยัง”         รู้หรือไม่ว่า...ผิวหนังบริเวณริมฝีปากนั้นทั้งบอบบางและละเอียดอ่อนกว่าผิวส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า และยังอ่อนแอพอๆ กับผิวรอบดวงตา เราจึงควรใส่ใจดูแลและปกป้องริมฝีปากเป็นพิเศษจากสิ่งรบกวนต่างๆ เช่น แสงอาทิตย์ ลม ความร้อน ความแห้งจากเครื่องปรับอากาศ เพราะริมฝีปากไม่มีต่อมน้ำมันสำหรับเคลือบป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น และแม้แต่การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ ซึ่งส่งผลให้ริมฝีปากแห้ง แตก หรือลอกเป็นขุย สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่นและดูอ่อนเยาว์ก็คือ
1.ลิปบาล์ม หรือที่เรียกกันติดปากว่าลิปมันนั่นเอง ส่วนผสมหลักของลิปบาล์ม มาจากสารที่เป็นไขมันหรือคอเลสเตอรอล เช่น ขี้ผึ้ง หรือคาร์นูบาแว็กซ์ ที่ช่วยเคลือบริมฝีปากและเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ ในปัจจุบันได้มีการผสมสารกันแดดลงไปในลิปบาล์มหรือลิปสติกจำนวนมากด้วย เนื่องจากพบว่าผิวบริเวณริมฝีปากนั้นแทบจะไม่มีเมลานินซึ่งเป็นกลไกหลักในการป้องกันแสงแดดอยู่เลย เป็นเหตุให้ปากแห้ง แตกหรือไหม้ได้ง่าย ดังนั้นการใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของสารกันแดดทุกวันจึงจำเป็นเช่นเดียวกับการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเลยทีเดียว
2. เมื่ออายุมากขึ้น ริมฝีปากจะยิ่งสูญเสียไขมันและยิ่งบางลง ผิวรอบริมฝีปากก็จะเริ่มมีริ้วรอยปรากฏให้เห็น ดังนั้น ขณะที่ทาครีมบำรุงผิวหน้าจึงไม่ควรลืมบำรุงผิวปากด้วย โดยใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้กับผิวหน้าซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินเอ ซี อี และสารป้องกันแสงแดดซึ่งช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ อันจะนำมาซึ่งการแก่ก่อนวัย และควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ซึ่งจะทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินไปจากผิวด้วย
3.การใช้มาสก์พอกหน้ามาพอกบริเวณริมฝีปากก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบำรุงผิวปากได้ แต่ควรเลือกใช้มาสก์ชนิดที่เพิ่มความชุ่มชื้น (Moisture Mask) เท่านั้น
4. การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและการดื่มน้ำมากๆ ก็สามารถช่วยบำรุงรักษาผิวปากได้เช่นกัน ควรดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่าวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ร่างกายและริมฝีปาก
5.การบริหารเรียวปากเพื่อชะลอวัยให้ริมฝีปากไร้ริ้วรอย ทำได้โดย นั่งลงที่หน้ากระจกในตอนเช้า ผ่อนคลายร่างกายทุกส่วนให้มากที่สุด ทำทีละขั้นตอนอย่างช้า ๆ เท่าที่จะทำได้ โดยเริ่มจาก - ฉีกยิ้มให้มุมปากทั้งสองกางออกไปด้านข้างช้าๆ แล้วค่อยๆ หุบกลับมา ทำซ้ำกันประมาณ 20-30 ครั้ง จะช่วยไม่ให้มุมปากตกและเกิดริ้วรอยรอบมุมปาก ทั้งยังช่วยให้กล้ามเนื้อขากรรไกรแข็งแรงขึ้นด้วย

- พูดคำว่า เอ อี ไอ โอ ยู ต่อกันประมาณ 15-20 ครั้ง พูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ จะช่วยแก้อาการเมื่อยปากได้มาก ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เพียงเท่านี้ ไม่ยากสำหรับสาวๆ ที่อยากมีริมฝีปากสวยชุ่มชื่นแลดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติใช่ไหมค่ะ หลังจากดูแลริมฝีปากแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะยิ้มบ่อยๆ เพราะรอยยิ้ม จะทำให้คุณสดใสและใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้คุณ...

วันแม่แห่งชาติ

วันแม่แห่งชาติ
ทุกวันที่
12 สิงหาคม ของทุกปี
       
         วันแม่แห่งชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถคือ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่ของชาติด้วย
        แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ
        ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่
12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
        วันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ทางราชการกำหนดในวันที่
12 สิงหาคม ของทุกปี และถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดให้ถือว่า "ดอกมะลิ" สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่เรา
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ 

 1    ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน 
 2   จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณ   ประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล
3   เ พื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
4   นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่

วันแม่ในประเทศต่าง ๆ
  • อาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์        นอร์เวย์
  • 8 มีนาคม         บัลแกเรีย, แอลเบเนีย
  • อาทิตย์ที่สี่ในฤดูถือบวชเล็นท์ (มาเทอริง ซันเ ดย์)       สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์
  • 21 มีนาคม (วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ)            จอร์แดน, ซีเรีย, เลบานอน, อียิปต์
  • อาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม          โปรตุเกส, ลิทัวเนีย, สเปน, แอฟริกาใต้, ฮังการี
  • 8 พฤษภาคม         เกาหลีใต้ (วันผู้ปกครอง)
  • 10 พฤษภาคม       กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้, บาห์เรน, ปากีสถาน, มาเลเซีย, เม็กซิโก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อินเดีย, โอมาน
  • อาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม          แคนาดา, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน), สาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์, บราซิล, เบลเยียม, เปรู, ฟินแลนด์, มอลตา, เยอรมนี, ลัตเวีย, สโลวาเกีย, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, อิตาลี, เอสโตเนีย, ฮ่องกง
  • 26 พฤษภาคม      โปแลนด์
  • 27 พฤษภาคม      โบลิเวีย
    อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม       สาธารณรัฐโดมินิกัน, สวีเดน
    อาทิตย์แรกของเดือนมิถุนายนหรือ อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ฝรั่งเศส
  • 12 สิงหาคม    ไทย (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ)
  • 15 สิงหาคม (วันอัสสัมชัญ) คอสตาริกา, แอนท์เวิร์ป (เบลเยียม)
    อาทิตย์ที่สองหรือสามของเดือนตุลาคม อาร์เจนตินา (Día de la Madre)
  • 28 พฤศจิกายน     รัสเซีย
  • 8 ธันวาคม            ปานามา
  • 22 ธันวาคม          อินโดนีเซีย หนังสือ วันสำคัญของไทย โดย สมเจตน์ มุทิตากุล
    หนังสือ ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก โดย วรนุช อุษณกร
    หนังสือ วันสำคัญของไทย โดยธนากิต
    หนังสือ วันสำคัญของไทย โดย สุชิราภรณ์ บริสุทธิ์ 

แหล่งอ้างอิง :

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

การถนอมอาหาร

การถนอมอาหาร
       ในบางฤดูกาลมีผลผลิตประเภทอาหารมากมาย ทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารสดๆได้หมด แต่เราสามารถเก็บรักษาอาหารนั้นไว้รับประทานต่อไปได้ด้วยวิธีการถนอมอาหาร ซึ่งการเลือกวิธีการถนอมอาหารที่เหมาะสมจะทำให้สามารถเก็บรักษาอาหารไว้ได้นาน และสามารถรับประทานได้ตลอดฤดูกาล โดยที่อาหารไม่บูดเน่าเสียหรือต้องทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
การถนอมอาหารด้วยวิธีการต่างๆมีดังนี้
.1การถนอมอาหารโดยตากแห้ง
เป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดมากที่สุด ใช้ได้กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยนำน้ำหรือความชื้นออกจากอาหารให้มากที่สุดเพื่อให้เอนไซม์ในอาหารไม่สามารถทำงานและบัตเตรีไม่สามารถที่เจริญเติบโตได้ในของแห้ง

สำหรับวิธีการตากแห้งอาจใช้ความร้อนหรือความร้อนจากแหล่งอื่น เช่น ตู้อบ เป็นต้นถ้าใช้แสงแดดควรมีฝาชีหรือตู้ที่เป็นมุ้งลวดป้องกันแมลงและฝุ่นละออง อาหารที่ผ่านวิธีการตากเเห้งแล้ว เช่น เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กล้วยตาก เป็นต้น
การดองการถนอมอาหารโดยตากแห้ง
2.การดอง
เป็นการถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งให้มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน หรือมีรสผสมทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน อุปกรณ์ที่ใช้ดองควรเป็นพวกเครื่องแก้ว ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เช่น หม้อ อะลูมีเนียม เป็นต้น เพราะในขณะดองอาจมีกรดเกิดขึ้นซึ่งกรดพวกนี้จะทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้เกิดสารพิษในอาหรสำหรับปรุงรสที่ใช้ ได้แก่ เกลือ น้ำตาล น้ำส้มบริสุทธิ์ ส่วนอาหารที่ใช้วิธีดอง เช่น มะม่วงดอง ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง เป็นต้น

สวัสดีปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

    ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆนะคะและขอให้มีสุขภาพร่างกายแข่งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วยมั่งมีศรีสุขมากๆนะคะและขอให้คนที่เข้ามาติดตาม blog ของฉันมีความสุขมากๆนะคะสวัสดีปีใหม่อีกครั้งคะ

วันแรงงานแห่งชาติ

          
วันแรงงานแห่งชาติ


               ในระบบเศรษฐกิจ แรงงานถือเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลผลิต พลังข
องผู้ใช้แรงงาน
จะแฝงอยู่ในผลผลิตทุกชิ้น ดังนั้นความมั่นคงก้าวหน้าหรือความอ่อนแอทางเศรษ
ฐกิจ แรงงานย่อมมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีผู้ใช้แรง
งานถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ทั้งในด้านผลประโยชน์ค่าตอบแทน และสวัสดิการ ฯลฯ
        ดังนั้นเพื่อเป็นการยกย่องและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ
แรงงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งในคุณภาพ ความเป็นอยู่ ตลอ
ดจนสิทธิอันชอบธรรมที่ผู้ใช้แรงงานสมควรจะได้รับการดูแลเ
อาใจใส่อย่างจริงจัง รัฐบาลจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภ
าคม ของทุกปีเป็น "วันแรงงานแห่งชาติ" ตามที่คณะพรรคสังค
มนิยมระหว่างชาติได้กำหนดไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2432
        ในประเทศยุโรปส่วนมาก ก็กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงา
นเช่นเดียวกัน และเรียกว่า "วันกรรมกรสากล" หรือ วันเมย์เดย์ ยกเว้น ประเทศส
หรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา ที่
ถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนกันยายนเป็นวันแรงงาน
        ในเมืองไทยเริ่มมีการจัดการบริหารแรงงานขึ้นใน พ.ศ.2475 เมื่อรัฐบาลได้ออกพ
ะราชบัญญัติจัดหางานประจำท้องถิ่น พ.ศ.2475
        การบริหารแรงงาน หมายถึงการจัดสรรและพัฒนาแรงงาน คุ้มครองดูแลสภาพการ
ทำงาน สร้างรากฐานและขบวนการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างแล
ะลูกจ้าง ศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาระการสร้างงานประกอบอาชีพ
        เพื่อ พ.ศ. 2477 ได้มีการจัดตั้งกองกรรมกรขึ้น ทำหน้าที่ด้านการจัดหางาน และศึกษ
ภาวะความเป็นอยู่ของคนงานทั่วไป พ.ศ.2499 รัฐบาลได้ขยายกิจการสัมพันธ์มากขึ้น และ
ประกาศใช้พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฉบับแรก พ.ศ.2508 และปีเดียวกันนี้ได้มีการ
จัดตั้งกรมแรงงานขึ้น อีกทั้งประกาศใช้พระ ราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแ
รงงาน ในปัจจุบันใช พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518
        ปัจจุบันการบริหารงานอยู่ในความรับผิดชอบของ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแ



  1    การจัดหางาน ด้วยการช่วยเหลือคนว่างงานให้มีงานทำ ช่วยเหลือนายจ้างให้คนมีคุณภาพในการทำงาน รวบรวมเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการทำงาน แหล่งงาน ภาวะตลาดแรงงาน

  2    งานแนะแนวอาชีพ ให้คำปรึกษาแก่เยาวชนและผู้ประสงค์จะทำงานเพื่อให้สามารถเลือกแนวทางประกอบอาชีพเหมาะตามความถนัด ความสามารถทางร่างกาย คุณสมบัติ บุคลิกภาพและความเหมาะสมแก่ความต้องการเศรษฐกิจ
  3    การพัฒนาแรงงาน ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแก่คนงานและเยาวชน ที่โอกาสศึกษาต่อ
  4    งานคุ้มครองแรงงาน วางหลักการและวิธีการเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน วันหยุดงาน ตลอดจนสวัสดิการต่าง ๆ
  5    งานแรงงานสัมพันธ์ ทำการส่งเสริมและสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

        ด้านกรรมกร ได้จัดตั้งกลุ่มสหภาพแรงงานขึ้นหลายกลุ่ม และรวมกันตั้ 'สภาอ ค์การลูกจ้างขึ้น ทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิให้กับผู้ใช้แรงงาน ปัจจุบัน มี 3 สภา ได้ แก่         1    สภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย          2    สภาอ งค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย         3    สภาองค์การแรง งานแห่งประเทศไทย

วันครู

ประวัติความเป็นมาของการจัดงานวันครู

      ในปี พ.ศ. 2499 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศ ถึงความคิดที่จะกำหนดให้มีวันครู และเป็นการสอดคล้องกับความคิดเห็นของครูทั่วไป
     ดังนั้น ในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้ วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครู
     วันครูได้จัดให้มีในครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาในปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ เรียกว่า "คุรุสภา" เป็นนิติบุคคล ให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษาและวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
     ในทุก ๆ ปี คุรุสภาได้ให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย

คำปฏิญาณ
ข้อ 1 ข้าจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2 ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3 ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จากนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคล แล้วต่อด้วยนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่น
ประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและในประจำการ สุดท้ายกล่าวปรา
ศรัยกับคณะครูที่มาประชุม
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันครู


     1. ร่วมกิจกรรมทางศาสนา ทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ กรวดน้ำอุทิศส่วน
กุศลให้แกบรรดาบูรพาจารย์ผู้ล่วงลับ
     2. ส่งบัตรอวยพร หรือไปเยี่ยมเยือนครูอาจารย์ที่เคยให้ความรู้อบรมสั่ง
สอน เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดี และแสดงความกตัญญูกตเวที
     3. ร่วมพิธีบูชาบูรพาจารย์
     4. ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น เช่น นิทรรศการเกี่ยวกับครู การเรียนการ
สอน หรือกิจกรรมการกุศลที่หารายได้สมทบกองทุนช่วยเหลือครู เป็นต้น

บทสวดเคารพครูอาจารย์

     (สวดนำ) ปาเจราจริยาโหนฺติ(รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาส
กา
ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เตทินฺโนวาเท นมามิหํ
 (สวดทำนองสรภัญญะ)
      (สวดนำ) อนึ่งข้าคำนับน้อม (รับพร้อมกัน) ต่อพระครูผู้การุณย์
โอบเอื้อและเจือจุนอนุศาสน์ทุกสิ่งสรรพ์
     ยัง บ ทราบก็ได้ทราบทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน
ชี้แจงและแบ่งปันขยายอรรถให้ชัดเจน
     จิตมากด้วยเมตตาและกรุณา บ เอียงเอน
เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ให้ฉลาดและแหลมคม
     ขจัดเขลาบรรเทาโมหะจิตมืดที่งุนงม
กังขา ณ อารมณ์ก็สว่างกระจ่างใจ
     คุณส่วนนี้ควรนับ
ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร
ควรนึกและตรึกใน
จิตน้อมนิยมชม
(กราบ)
คุณสมบัติของครูอาจารย์ที่ดี
                                                                               

   

1. ประพฤติตัวให้เป็นที่รัก (ปิโย)
2. มีใจหนักแน่นทำตนให้น่ายำเกรง (ครุ)
3. อบรมตนเองสม่ำเสมอ (ภาวนีโย)
4. ฉลาดสอน ฉลาดพูด (วตฺตา)
5. อดทนต่อถ้อยคำล่วงเกิน (วจนกฺขโม)
6. พูดเรื่องลึกซึ้งให้เข้าใจลึกซึ้งได้ (คมฺภีรํ กถํ กตฺตา)
7. ไม่ชักนำศิษย์ไปในทางเสียหาย (โน จฎฺฐาเน นิโยชเย)

หน้าที่ของครูอาจารย์พึงมีต่อศิษย์

1. แนะนำดี
2. ให้เรียนดี
3. บอกศิลปให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง
4. ยกย่องให้ปรากฎในเพื่อนฝูง
5. ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย

หน้าที่ของศิษย์พึงมีต่อครูอาจารย์

1. ให้การต้อนรับ
2. เสนอตัวรับใช้
3. เชื่อฟัง
4. คอยปรนนิบัติ
5. เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ

วันวาเลนไทน์

ประวัติความเป็นมาของ วันวาเลนไทน์
       ทุก ๆ ปีเมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ ดอกกุหลาบสีแดง การ์ดอวยพร ของขวัญ และช็อกโกแลต จะถูกส่งอวยพรถึงกันและกัน ระหว่างคนที่มีความรักต่อกัน ไม่ใช่เพียงแต่คนหนุ่มสาว แต่ยังรวมถึงคนในครอบครัว หรือมิตรสหาย เพราะในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนับเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก หรือ วันวาเลนไทน์
ชื่อของ วาเลนไทน์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับ วันแห่งความรัก นี้ได้อย่างไร ? และทำไมเดือนกุมภาพันธ์ จึง เป็นเดือนแห่งความรัก ?
ประวัติดั้งเดิมของ วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็น วันแห่งความรัก เกี่ยวพันทั้งกับประเพณีของชาวคริสเตียน และประเพณีดั้งเดิมของชาวโรมัน ที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน ตามความรับรู้ของชาวคริสต์ วันวาเลนไทน์ มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนักบุญที่ชื่อ วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส อย่างน้อย 3 คน ซึ่งทุกคนเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์ทั้งสิ้น
ตำนานหนึ่งเล่าว่า วาเลนไทน์ เป็นนักบวชที่มีชีวิตอยู่ในกรุงโรม ในช่วงศตวรรษที่ 3 ของปีคริสตศักราช ในช่วงที่จักรพรรดิ คลอดิอุส 2 ปกครองกรุงโรม พระองค์เห็นว่า ผู้ชายที่เป็นโสด จะทำหน้าที่ทหารได้ดีกว่าชายที่มีภรรยาและครอบครัว พระองค์จึงทรงออกกฎหมายห้ามมิให้ผู้ชายในวัยหนุ่มแต่งงาน เพื่อที่จะกะเกณฑ์ชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงานเหล่านี้มาเป็นทหาร นักบวช วาเลนไทน์ ไม่เห็นด้วยกับจักรพรรดิ คลอดิอุส และเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม จึงยังคงลักลอบทำพิธีแต่งงานให้กับคนหนุ่มสาวที่มีความรักต่อไป เมื่อการกระทำของ นักบวชวาเลนไทน์ ล่วงรู้ถึงหูของจักรพรรดิ คลอดิอุส พระองค์จึงสั่งให้จับกุมและให้ประหาร นักบวชวาเลนไทน์ เสีย
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า นักบวชวาเลนไทน์ ถูกประหารเพราะพยายามที่จะช่วยเหลือชาวคริสเตียนให้หนีออกจากคุกของพวกโรมัน ซึ่งเวลานั้น ผู้ที่เป็นคริสเตียนจะมีความผิด ต้องถูกนำไปคุมขัง และทรมานด้วยการเฆี่ยนตี ตำนานที่สามเล่ากันว่า นักบวช วาเลนไทน์ คือผู้ที่ส่ง บัตร “ วาเลนไทน์ ” เป็นคนแรก ในขณะที่นักบวช วาเลนไทน์ ถูกจำคุกอยู่นั้น เขาตกหลุมรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง นางเป็นลูกสาวของผู้คุมที่คุกแห่งนั้น ซึ่งนางเข้าไปเยี่ยมในระหว่างที่นักบวชผู้นี้กำลังนอนป่วย ก่อนที่จะถูกประหาร เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงนาง และลงท้ายจดหมายว่า “ จาก วาเลนไทน์ ของเธอ ” ซึ่งเป็นวลีที่ยังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าความจริงเกี่ยวกับนักบวช วาเลนไทน์ จะเป็นตำนานที่ค่อนข้างสับสน แต่ทุกตำนานก็เป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ ความกล้าหาญ และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ ความรัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ในยุคกลางของยุโรป(ประมาณศตวรรษที่ 5 ถึงศตวรรษที่ 16 ของปีคริสตศักราช) นักบุญ วาเลนไทน์ จะเป็นหนึ่งในนักบุญที่ได้รับความศรัทธามากที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษและฝรั่งเศส
ขณะที่บางคนเชื่อว่า วันวาเลนไทน์ คือวันรำลึกถึงการเสียชีวิต หรือวันทำพิธีฝังศพของนักบุญ วาเลนไทน์ ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจจะเริ่มมาตั้งแต่ประมาณปีคริสตศักราช 270 ในบางความเชื่อกล่าวว่า พิธีแสดงความรักต่อนักบุญ วาเลนไทน์ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นประเพณีที่เพื่อแสดงความเป็น คริสเตียน ของนักบวชในศาสนาคริสต์ เพื่อที่จะมาทดแทนเทศกาล ลูเปอร์คาเลีย (Lupercalia) ของชาวโรมันในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่แสดงความรักต่อเทพเจ้าฟอนนัสของชาวโรมัน ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งเกษตรกรรม และเทพเจ้ารอมมิวนัส และเทพเจ้าเรมัส เทพเจ้าผู้สร้างกรุงโรม
พิธีเริ่มต้นโดยพวกสมาชิกของ ลูเปอร์ซิ และนักบวชโรมัน ไปชุมนุมกันที่ถ้ำอันศักดิ์ของพวกเขา ซึ่งเป็นที่กำเนิดของเทพเจ้า รอมมิวนัส และ เรมัส ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างกรุงโรม และเติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูและดื่มนมจากหมาป่า หรือ ลูปา พวกนักบวชโรมันจะทำการฆ่าแพะบูชายัญเพื่อความอุดมสมบูรณ์ และฆ่าสุนัขบูชายัญเพื่อความบริสุทธิ์
Imageจากนั้นเด็กหนุ่ม ๆ จะทำการแล่หนังของแพะออกเป็นชิ้นยาว ๆ นำไปจุ่มในเลือดศักดิ์สิทธิ์ ถือไปตามถนน นำไปแตะที่ตัวผู้หญิง และถือไปตามท้องไร่ท้องนาต่าง ๆ ผู้หญิงโรมันจะเต็มใจให้นำเอาหนังแกะสดที่ชุ่มไปด้วยเลือดมาแตะตามตัว เพราะเชื่อว่าจะนำเอาความอุดมสมบูรณ์มาสู่กรุงโรม จากนั้นในรุ่งขึ้นอีกวัน หญิงสาวชาวเมืองจะพากันเอาชื่อของนางใส่ลงในหม้อขนาดใหญ่ เพื่อให้ชายโสดทั้งหลายมาเลือกชื่อพวกนางจากหม้อใบนี้ และก็เป็นคู่กันไปตลอดทั้งปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะลงเอยด้วยการแต่งงานกัน สันตะปาปา เกลาเซียส ได้ประกาศเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันนักบุญวาเลนไทน์ เมื่อประมาณปีคริสตศักราช 498 การเลือกคู่แบบโรมัน กลายเป็นสิ่งที่ “ ไม่ใช่คริสเตียน ” และผิดกฎ ต่อมาในสมัยยุคกลางของยุโรป ได้กลายเป็นความเชื่อของคนในอังกฤษและฝรั่งเศสว่า 14 กุมภาพันธ์ เป็นการเริ่มต้นฤดูผสมพันธุ์ของ “ นก ” แล้วก็กลายเป็น วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็น วันแห่งความรัก
เรื่องราวของ วาเลนไทน์ ที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งยังมีหลักฐานหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน คือบทกวีที่เขียนโดย ชาร์ลส ขุนนาง แห่ง ออร์ลีนส์ ซึ่งเขียนให้กับภรรยาของเขาขณะถูกคุมขังในหอคอยกรุงลอนดอน เนื่องจากถูกจับกุมในระหว่างสงคราม อะจินคอร์ต บทกวีชิ้นนี้เขียนขึ้นเมื่อปีคริสตศักราช 1415 ถูกเก็บไว้ในห้องสมุด บริติช แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และหลายปีต่อมา เชื่อกันว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ได้จ้างวานให้กวีที่ชื่อ จอห์น ไลด์เกต ประพันธ์บทกวี วาเลนไทน์ ให้กับ แคทเธอรีน แห่ง วาโลอิส ในอังกฤษ เทศกาล วันวาเลนไทน์ ได้รับความนิยม มาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 17 ของปีคริสตศักราช
Imageคิวปิด หรือ กามเทพ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักของชาวโรมัน ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ อันหนึ่งของ วันวาเลนไทน์ เนื่องจาก คิวปิด เป็นบุตรของเทพธิดา วีนัส ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความรัก และความงามของชาวโรมัน และมักจะปรากฏอยู่บน บัตรอวยพร วันวาเลนไทน์ อยู่เสมอ
กลางศตวรรษที่ 18 เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับผู้ที่เป็นคนรักกัน หรือ แม้แต่มิตรสหาย ทุกชั้นชน ที่จะแลกเปลี่ยนของขวัญชิ้นเล็ก ๆ หรือส่งจดหมายถึงกัน
จนถึงยุคปัจจุบัน ก็ได้กลายเป็นการส่งบัตรอวยพร การซื้อของขวัญ และการมอบขนมและช็อกโกแลต ให้แก่กัน และจนถึงวันนี้การส่งอีเมล์ และ เอสเอ็มเอส เพื่ออวยพรเนื่องใน วันวาเลนไทน์ ก็อาจจะเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดอีกสื่อหนึ่ง
Image
สถิติของยุโรปและอเมริกา พบว่า ประมาณร้อยละ 85 ของผู้ที่ใช้จ่ายเพื่อ วันวาเลนไทน์ จะเป็นสตรี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของ บัตรอวยพร ซึ่งก็ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นการอวยพรเฉพาะคู่รักเท่านั้น เพราะในวันวาเลนไทน์นี้จะสามารถแสดงออกความรักต่อใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน